วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ไข้หวัดเม็กซิโก!! โรคใหม่แพร่ในคนสู่คน




โรคที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในคน แพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คน ไม่พบว่ามีการติดต่อมาจากสุกร

เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 (A/H1N1) ซึ่งเป็นเชื้อตัวใหม่ที่ไม่เคยพบทั้งในสุกรและในคน เป็นเชื้อที่เกิดจากการผสมสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ของสุกรเป็นส่วนใหญ่ และมีสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ของคน และเชื้อไข้หวัดที่พบในนกด้วย ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข เรียกชื่อโรคนี้ในเบื้องต้นว่า “โรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก” ไปก่อน จนกว่าองค์การอนามัยโลกจะกำหนดชื่ออย่างเป็นทางการออกมา
ทำความรู้จักและวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกัน
1. ไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดตามข่าวอยู่ในขณะนี้ คือโรคอะไร โรคที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในคน แพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คน ไม่พบว่ามีการติดต่อมาจากสุกร เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 (A/H1N1) ซึ่งเป็นเชื้อตัวใหม่ที่ไม่เคยพบทั้งในสุกรและในคน เป็นเชื้อที่เกิดจากการผสมสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ของสุกรเป็นส่วนใหญ่ และมีสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ของคน และเชื้อไข้หวัดที่พบในนกด้วย ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเรียกชื่อโรคนี้ในเบื้องต้นว่า “โรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก” ไปก่อน จนกว่าองค์การอนามัยโลกจะกำหนดชื่ออย่างเป็นทางการออกมา
2. เกิดการระบาดขึ้นที่ประเทศใดบ้าง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2552 เป็นต้นมา เริ่มพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และผู้ป่วยปอดบวม จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก (ณ วันที่ 26 เมษายน 2552) มีผู้ป่วยที่สามารถยืนยันทางห้องปฏิบัติการได้ว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ 18 ราย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเม็กซิโกรายงานว่ามีผู้ป่วย 1,614 ราย เสียชีวิต 103 ราย ส่วนในสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เดียวกัน 20 ราย ใน 5 มลรัฐ ได้แก่ รัฐแคลิฟอร์เนีย 7 ราย เท็กซัส 2 ราย ซึ่งทั้ง 2 รัฐนี้มีชายแดนติดกับประเทศเม็กซิโก รัฐนิวยอร์ก 8 ราย แคนซัส 2 ราย โอไฮโอ 1 ราย ผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง และไม่มีผู้เสียชีวิต
3. เคยพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีในประเทศไทยหรือไม่ จากระบบการเฝ้าระวังโรคของประเทศ ทั้งการเฝ้าระวังผู้ป่วยและการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการ ไม่เคยพบเชื้อดังกล่าวนี้ในประเทศไทย
4. คนติดโรคนี้ได้อย่างไร คนส่วนใหญ่ติดโรคไข้หวัดใหญ่จากการถูกผู้ป่วยไอจามรดโดยตรง เนื่องจากมีเชื้อไวรัสอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย แต่บางรายอาจได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ลูกบิดประตู โทรศัพท์ แก้วน้ำ เป็นต้น
5. ขณะนี้สามารถรับประทานเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์จากหมู ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ รับประทานได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากเชื้อไว้รัสไข้หวัดใหญ่จะถูกทำลายได้ด้วยความร้อนจากการปรุงอาหารที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป และจากการสอบสวนโรคไม่เคยพบผู้ป่วยติดโรคจาการรับประทานเนื้อหมูที่ปรุงสุก
6. อาการของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีอะไรบ้าง อาการใกล้เคียงกับอาการโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบตามปกติ เช่น ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ อาจมีอาเจียน ท้องเสียด้วย ผู้ป่วยที่สหรัฐมีอาการไม่รุนแรง ส่วนใหญ่หายป่วยโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แต่ผู้ป่วยหลายรายในเม็กซิโก มีอาการปอดอักเสบรุนแรง (หอบ หายใจลำบาก) และเสียชีวิต
7. มียาชนิดใดบ้างที่สามารถรักษาโรคนี้ได้ ยาต้านไวรัสซึ่งใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่นี้ได้ผล คือ ยา oseltamivir เป็นยาชนิดกิน และยา zanamivir เป็นยาชนิดพ่น แต่ผลการตรวจเชื้อไวรัสนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าเชื้อนี้ดื้อต่อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine
8. ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ในไทย ขณะนี้มีพอเพียงหรือไม่ ประเทศไทยได้สำรองยานี้ไว้พอเพียงสำหรับการรักษาผู้ป่วย ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคได้สำรองยาที่นี้ไว้ พอเพียงเพื่อการควบคุมการระบาดจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ณ จุดเกิดเหตุ โดยองค์การเภสัชกรรมผลิตยา GPO-A-Flu และ พร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตสูงสุดหากเกิดการระบาดใหญ่
9. มีวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นี้หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มี และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตใช้อยูในปัจจุบันไม่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ได้

10. คำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อ
1. หากไม่จำเป็น ควรเลื่อน หรือชะลอการเดินทางไปยังประเทศที่เป็นพื้นที่เกิด การ ระบาดจนกว่าสถานการณ์จะยุติลง
2. หากจำเป็นต้องเดินทางไปพื้นที่เกิดการระบาด ให้หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่มี อาการ ไอจาม หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อแนะนำของทางการในพื้นที่นั้นๆ อย่างเคร่งครัด
3. ผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เกิดการระบาด ถ้ามีอาการของไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ ภายใน 7 วันหลังจากเดินทางกลับ ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อ รับการรักษาและคำแนะนำในการปฏิบัติตนอย่างเข้มงวด
4. สร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง โดย
4.1 รับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียง
4.2 หมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการไอ จาม
4.3 นอนหลับ พักผ่อนให้พอเพียง
4.4 ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ
4.5 หากพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ภายในบ้าน หรือสถานที่ทำงานเดียวกัน ต้องแจ้งสำนักงานสาธารณสุข เพื่อเข้าดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง

11. กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการดำเนินการป้องกันควบคุมโรคนี้อย่างไรบ้าง มาตรการสำคัญ ได้แก่ การเร่งรัดและเพิ่มระดับความเข้มข้นการเฝ้าระวังโรคกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบรุนแรง และการตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย สำรองเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิผู้เดินทาง (Infrared Thermo Scanner) ที่สนามบินนานาชาติ และการสื่อสารความเสี่ยง การให้สุขศึกษาประชาสัมพันธ์ และให้บริการข้อมูลแก่ประชาชน โดยศูนย์ฮ็อตไลน์ โทร. 02-590-3333 ตลอด 24 ชั่วโมง จัดทำข่าวแจก จัดการแถลงข่าว และจัดทำคำแนะนำประชาชนเผยแพร่ทางเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข (
http://www.moph.go.th/) และ สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ (http:// beid.ddc.moph.go.th)
เนื่องจากเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ และข้อมูลการสอบสวนโรค บ่งชี้ว่า การระบาดเป็นการติดต่อจากคนสู่คน และมีผู้เสียชีวิต ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดการระบาดใหญ่ขยายตัวไปประเทศอื่น
องค์การอนามัยโลกกำลังส่งผู้เชี่ยวชาญประสานงานป้องกันควบคุมโรคร่วมกับรัฐบาลเม็กซิโก รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก เป็นภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC ). เมื่อวันที่ 25 เม.ย.52 และได้ประกาศปรับระยะการระบาดจากเดิม ระดับ 3 เป็นระดับ 4 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.52 พร้อมทั้งแนะนำมาตรการว่า ยังไม่มีการจำกัดการเดินทางหรือปิดพรมแดน
หากประชาชนมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรเลื่อนการเดินทางระหว่างประเทศและหากเริ่มป่วยหลังจากการเดินทางระหว่างประเทศ ควรไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ การบริโภคเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์จากหมูที่ปรุงสุก ไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ประชาชนทั่วไปควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ บ่อยๆ และหากเริ่มมีอาการป่วย ควรไปพบแพทย์
สำหรับประเทศไทย จากการเฝ้าระวังโรคของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ต้นปี 2552 จนถึงขณะนี้ พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 3,159 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่แตกต่างกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2551 และจากการตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ ในประเทศไทยยังไม่เคยพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์
ดังกล่าว
ในการรายงานโรคนี้ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Swine Flu” หรือไข้หวัดใหญ่สุกร โดยปกติแล้ว ไข้หวัดใหญ่สุกรเป็นโรคทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นในสุกร มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ หลายชนิด เช่น H1N1, H1N2, H3N1, H3N2 และแต่ละชนิดมีหลากหลายสายพันธุ์ ตามปกติการเกิดโรคในสุกร บางครั้งอาจมีผู้ติดเชื้อจากสุกรและป่วยซึ่งไม่บ่อยนัก การติดเชื้อเกิดโดย คนหายใจเอาละอองฝอยเมื่อสุกรไอ หรือจาม เข้าไป หรือการสัมผัสกับสุกร หรือสิ่งแวดล้อมที่สุกรอาศัยอยู่
อย่างไรก็ตามเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโกนี้ ผลการตรวจวิเคราะห์ในระดับพันธุกรรม พบว่า เป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่พบในคน ซึ่งยังไม่เคยพบในสุกรมาก่อน และการระบาดดังกล่าว ไม่มีรายงานโรคนี้ระบาดในสุกรทั้งในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา และผลการสอบสวนโรค ไม่พบผู้ใดติดโรคจากสุกร หากแต่เป็นการแพร่กระจายโรคอย่างรวดเร็วจากคนสู่คน เชื้อนี้มีความไวต่อยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ และคาดว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลของคน ซึ่งมีสายพันธุ์ H1N1 ประกอบอยู่ด้วย ไม่สามารถใช้ป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้ได้ "กินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ"

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

รู้ทันป้องกันถูก"แชะ"


ข่าวหนุ่มวิศวะโรคจิตที่ใช้มือถือตามแอบถ่ายใต้กระโปรงสาวๆ บนสถานีรถไฟฟ้าคงทำให้หลายคนรู้สึกหวาดๆ และไม่อยากให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นกับตัวโดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่จำเป็นต้องนุ่งกระโปรงไปทำงาน หรือใส่เสื้อเว้าเห็นหน้าอกรำไร ก็ควรหาทางป้องงกันตัวเองไว้
ถึงจะเป็นสาวรักแฟชั่น แต่การแต่งกายรัดกุมเหมาะกับสถานการณ์จะช่วยได้มากถ้าคุณนุ่งกระโปรงสั้นอาจต้องสวมกางเกงขาสั้น ถุงน่องเต็มตัวไว้ข้างใน หรือใส่กางเกงกระชับสัดส่วนก็ได้ประโยชน์ทั้งหุ่นสวยและเซฟด้วยในตัวจะให้ปลอดภัยมากกว่าและคิดว่าไม่ยุ่งยาก ระหว่างไปที่ทำงานสวมกางเกงขายาวไปก่อนถึงที่ทำงานแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นชุดทำงาน และทำเช่นเดียวกันนี้ในตอนกลับบ้านนอกจากคล่องตัวแล้วยังไม่ล่อตาล่อใจพวกโรคจิตหากต้องกลับบ้านมืดค่ำด้วย
ใช้ของใช้ที่มีติดตัว เช่น กระเป๋าถือใบใหญ่หรือหนังสือ เวลาจะก้มๆเงยๆ ก็ใช้ปิดหน้าอกถ้าขึ้นบันไดใช้ประโยชน์ปิดชายกระโปรง ขึ้นรถลงเรือ รวมไปถึงเวลายืนอยู่ในลิฟต์ก็ได้
หัดเป็นคนช่างสังเกต ระแวดระวังตนเอง หากไปในที่ที่คนพลุกพล่าน อย่าให้คนเดินตามหลังในระยะกระชั้นชิดนัก เพราะคนร้ายมักจู่โจมจากด้านหลัง ถ้ารู้สึกมีคนเดินตามและไม่แน่ใจว่าเขาเดินตามคุณเพื่อหวังร้ายหรือเปล่า ให้หันมาเผชิญหน้า ถ้าไม่ใช่เขาจะเดินแซงคุณไป ถ้าใช่บางครั้งคนร้ายอาจเปลี่ยนใจ เพราะเห็นว่าคุณรู้แล้ว
ระมัดระวังอากัปกิริยาไม่ว่าจะเดินหรือนั่ง เช่น กระนั่งไขว่ห้างหรือเวลาซื้อของ อย่ามัวก้มๆเงยๆดูสินค้าหากวันนั้นคุณนุ่งสั้น และมีผู้ชายเข้าใกล้ผิดสังเกตุ คุณต้องระวังคนเหล่านั้นให้ดี
ถ้าพบคนมีพิรุธไม่น่าวางใจ ทำทีเป็นโทรศัพท์แล้วส่งมือถือมาทางคุณทางที่ดีเดินหนีดีกว่าและถ้าเขายังตามคุณอยู่ก็ใช้วิธีจ้องหน้า ให้รู้ว่าคุณรู้ตัวแล้วและพร้อมจะเอาเรื่อง แต่ถ้าคุณแน่กว่านั้นทำทีเป็นเดินตรงเข้าไปแล้วใช้มือถือของคุณบันทึกภาพหน้าบุคคลต้องสงสัยเอาไว้บ้างคนพวกนี้มักจะไม่กล้าถ้ารู้ว่าเราเอาจริง
หากแน่ใจว่าคุณกำลังถูกแอบถ่าย ไม่ต้องอายรีบร้องโวยวายให้คนช่วยเพื่อประจานคนคิดร้ายที่สำคัญคุณคือพลเมืองดีที่สามารถช่วยกันสอดส่องดูแลลูกผู้หญิงด้วยกัน ถ้าเห็นคนอื่นกำลังถูกแอบถ่ายต้องบอกให้เขารู้ตัว และช่วยกันจับตัวส่งตำรวจดำเนินคดี

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อินเดียเจ๋ง โชว์โคลนนิ่งควายสำเร็จ


วิทยาศาสตร์ภารตะประกาศว่า สามารถโคลนนิ่งควายตัวแรกของโลกได้สำเร็จ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ลูกแหง่ อยู่ได้เพียงอาทิตย์เดียว ก็เป็นปอดบวมตาย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแห่งชาติ ดร.เอ.เค. ศรีวัสทวะ แจ้งว่า การโคลนนิ่งควายตัวแรก ใช้ เทคนิคการสำเนาพันธุ์แบบก้าวหน้า แบบเดียวกันกับการโคลนนิ่งแกะตัวแรก ที่ตั้งชื่อให้ว่า "ดอลลี่" เมื่อปี พ.ศ. 2549 หากแต่ว่าลูกควายอยู่มาได้แค่ อาทิตย์แรกก็ตาย ด้วยโรคปอดบวม ทางสถาบันได้ โคลนนิ่งโดยการสำเนาพันธุ์สามารถจะโคลนนิ่งลูกควายให้เกิดมาเป็นเพศใดก็ได้จากเซลล์ซึ่งเอามาจากควายตัวเมียอีก 2 ตัว ซึ่งกำหนดจะตกลูกออกมาในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนปีนี้เขากล่าวว่า เทคนิคการโคลนนิ่ง ซึ่งสถาบันพัฒนาขึ้นนี้

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คาถารัก

กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงอยากจะขอเสนอ " ๔ อ. คาถารักษา รัก ให้ยั่งยืน"ซึ่งคาถา ในที่นี้ มิใช่มนต์ที่จะเสกเป่าให้คนมารัก มาชอบ แต่เป็นเหมือนแนวทางให้คู่รัก หรือแม้แต่คู่สามีภริยาได้นำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อความสุข ความสดชื่นในชีวิตคู่ต่อไป
อ.แรก คือ เอาใจใส่ ธรรมชาติของคนเราไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนพอใจให้มีคนมาเอาใจใส่ต่อตัวเราทั้งสิ้น ยิ่งเป็นแฟนหรือคนใกล้ชิดทำให้ก็ยิ่งทวีความสุขใจ การเอาใจใส่ในที่นี้ นับตั้งแต่การให้ความสนใจไต่ถามสารทุกข์สุกดิบของกันและกัน ให้ความห่วงหาอาทรอย่างสม่ำเสมอ เอาใจเขามาใส่ใจเรา คอยเอาใจ ช่วยเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่เอาแต่ใจตัวหรือเอาแต่ได้ ที่สำคัญคือ ไม่เอาใจออกห่างจนเกิดปัญหาตามมา
อ.ที่สอง คือเอื้อนเอ่ยวาจาดี โดยปกติ คนเรามักจะพูดจากับผู้ที่เราไม่รู้จักด้วยถ้อยคำที่ไพเราะสุภาพ แต่เมื่อสนิทชิดเชื้อกันแล้ว ปรากฏว่าหลายค นมักจะขาดความเกรงใจต่อกัน และบ่อยครั้งก็พูดจากันด้วยคำไม่เหมาะสม ก้าวร้าว ซึ่งจริงๆแล้วไม่ว่าจะสนิทกันเพียงไหน ถ้อยคำที่ไพเราะ อ่อนหวาน สุภาพก็ยังเป็นสิ่งฟังแล้วรื่นหู ให้ความสบายใจ ยิ่งเป็นคำชื่นชมด้วยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคู่รักหรือคู่ครอง ย่อมฟังแล้วเกิดความชื่นใจ มีกำลังใจเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราจึงควรพูดดีต่อกัน แม้แต่การตำหนิก็ไม่ควรใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หรือดุด่าให้คนฟังเสียน้ำใจ
อ.ที่สาม คือ อดทน การที่คนสองคนจะมาเป็นแฟนหรือกลายมาเป็นสามีภริยากันในอนาคตได้นั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือ ความอดทนซึ่งกันและกัน เพราะการที่มาจากคนละครอบครัวอันมีความต่างกันไม่มากก็น้อย ย่อมต้องใช้เวลาศึกษาและปรับตัวเข้าหากัน หากไม่มีความอดทนเพียงพอ ก็อาจจะต้องเลิกรากันไปก่อน ที่จะรู้จักกันดีเสียอีก และเมื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว ก็ยิ่งต้องมีความอดทนมากขึ้น เพราะการดำรงชีวิตคู่ยังต้องช่วยกันทำมาหากิน และช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคข้างหน้าอีกมากมาย
อ.ที่สี่ คือ อภัยแก่กันและกัน ในชีวิตของคนเรานั้น ย่อมมีผิดพลาดกันเป็นธรรมดา ดังนั้น การรู้จักให้อภัยทั้งแก่ตัวเอง และคนที่เรารักจึงเป็นสิ่งจ ำเป็น มิฉะนั้นแล้ว เราจะอยู่กันด้วยความกินแหนงแคลงใจต่อกัน หรือโกรธกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่มีความสุขทั้งคู่ เพราะจิตใจเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ไม่สบายใจ เจ็บใจไม่หาย หรือบางคนก็หาทางแก้แค้น กลายเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันไม่รู้จบสิ้น การให้อภัยจึงเป็นการสร้างความสงบสุข ร่มเย็นให้แก่จิตใจและชีวิตคู่ของเรา
ทั้ง ๔ อ. นี้ เป็นเพียงแนวทางกว้างๆ ที่เชื่อว่าใครปฏิบัติแล้วจะช่วยให้ชีวิตคู่รัก และคู่ครองมีความมั่นคง ยืนยาวยิ่งขึ้น และนอกเหนือไปจาก ๔ อ.ข้างต้นแล้ว สำหรับวัยรุ่น หรือเด็กๆที่ยังอยู่ในวัยเรียน ควรเพิ่ม อ.อดใจ เข้าไปด้วย คือจะรักจะชอบใคร ก็ควรยับยั้งชั่งใจให้ดี เพราะวัยนี้ก็ยังรับผิดชอบตัวเองไม่ค่อยได้ อย่าไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เพราะนอกจากจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง และครอบครัวแล้ว ยังจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งคงไม่มีใครปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น แน่นอน

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

มาจัดบ้านหวาน… ต้อนรับวาเลนไทน์กันดีกว่า



เมื่อเทศกาลแห่งรัก 14 กุมภาพันธ์ เวียนมาถึง ของขวัญแห่งความรักมากมายก็ทยอยออกมาเรียกน้ำย่อย ตั้งแต่ช่อดอกไม้สวยงามไปจนถึงช็อกโกแลตรูปทรงแปลกตา และสำหรับการสังสรรค์ของคู่รัก หรือการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มีที่ไหนเป็นส่วนตัวเท่ากับฉลองที่บ้านเล่า… เอ้า! เมื่อเป็นเช่นนี้สาวๆ หนุ่มๆ คนไหนที่จะพาแฟนไปบ้าน ลองนำเคล็ดลับดังต่อไปนี้ไปเปลี่ยนบ้านให้เป็นสวรรค์นะจ๊ะ

โดย คุณ วงศรณ สุทธิกุลพาณิช อินทีเรียร์ดีไซเนอร์อิสระ บอกเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อความโรแมนติกในวันวาเลนไทน์สำหรับทุกคู่รัก และใครก็ได้ที่รักกัน ให้จัดบ้านดังนี้จ้า. . .

1. ไลติ้ง

เรื่องของแสงเป็นตัวการเปลี่ยนบรรยากาศให้โรแมนติกได้ง่ายที่สุด ถ้าบ้านใครติดตั้งไฟแบบวอร์มไวท์ เพียงแค่ปรับลดแสงลง แค่นี้ก็ซึ้งแล้ว . . . จากนั้นเพิ่มโคมไฟตั้งโต๊ะแทนที่ เพื่อให้แสงภายในบ้านนุ่มนวลขึ้น หรือจะจุดเทียนในบางจุดก็ได้ แต่ขอแนะนำว่าอย่าจุดมากจนเกินไป เพราะแสงเทียนจะวูบวาบเมื่อโดนลม แสงจากโคมไฟจึงเหมาะที่สุด และเป็นแสงที่นิ่งไม่วูบไหว

แต่ในกรณีที่บ้านใครติดตั้งไฟเดย์ไลต์ หรือใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนซ์โดยเฉพาะ ถ้าเป็นแสงสีขาว แสงที่ออกมาจะทำให้ห้องดูแข็งกระด้าง ไม่นุ่มนวล จะทำลายอารมณ์โรแมนติกหมด ขอแนะนำให้ปิดไปเลย เปลี่ยนไปใช้โคมไฟแทน เพื่อให้ห้องนุ่มนวลขึ้น

ในกรณีที่ใครกำลังสร้างบ้านใหม่ หรือจะเปลี่ยนแปลงระบบไฟใหม่ ในห้องนั่งเล่น หรือห้องที่ต้องการบรรยากาศโรแมนติก ขอแนะนำให้เลือกใช้ไฟแบบวอร์มไวท์ เพราะสามารถปรับระดับแสงได้ตามความต้องการ หรือติดตั้งไฟสีส้มเพื่อให้แสงนุ่ม ให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่า แถมยังช่วยขับผิวพรรณสาวหนุ่มให้ดูดีขึ้นอีกด้วย

2. ผิวสัมผัส

นอกจากแสงที่เปลี่ยนบรรยากาศให้โรแมนติกแล้ว ผิวสัมผัสที่ได้รับก็ส่งผลต่ออารมณ์เช่นกัน ในที่นี้หมายถึงงานผ้าในการตกแต่ง ตั้งแต่ผ้าบุโซฟา ผ้าม่าน หากสามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อผ้าที่มีความอ่อนนุ่มได้ เช่น ลินิน ไหม หรือซาติน ก็จะช่วยให้สิ่งรอบๆ ตัวดีขึ้นไปหมด

สัมผัสที่นุ่มนวลย่อมมีผลต่ออารมณ์ที่นุ่มนวล ทั้งยังเปลี่ยนเป็นบรรยากาศที่สบายๆ ได้มากขึ้น นุ่มนวลอบอุ่นมากขึ้น

3. สีสัน แม้สัญลักษณ์ของวาเลนไทน์จะเป็นกุหลาบสีแดง แต่การตกแต่งห้องด้วยสีแดงทั้งหมดนั้นอาจรุนแรงไป ไม่ว่าจะเป็นแดงหรือชมพูก็ตาม หากสีเยอะจนเกินไปจะดูแป๋น ซึ่งผู้หญิงอาจชอบ แต่ขอแนะนำว่าไม่เหมาะกับผู้ชายเท่าไหร่

ผู้ชายเหมาะที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมในโทนสีที่อบอุ่น เช่น น้ำตาลออกกาแฟ หรือสีเขียวมะกอก ดังนั้นการแต่งห้องด้วยสีจึงต้องระวังให้ดี คือไม่ให้เป็นสีจัดรุนแรงทั้งหมด แต่ควรมีการเบรกด้วยสีอื่นบ้าง เช่น ถ้าห้องสีเข้มแล้วก็ควรใช้ของตกแต่งที่เป็นสีอ่อนบ้าง ในทางกลับกัน หากห้องสว่างสดใสก็แต่งเฟอร์นิเจอร์สีเข้มลงไป เช่น ห้องสีขาวหรือครีม ก็ควรใช้งานผ้าสีกาแฟ หรือแดงได้เล็กน้อย เป็นต้น

4. การจัดโต๊ะ

วาเลนไทน์ทั้งที มื้อนี้อิ่มกับคนรักต้องพิเศษกว่าธรรมดาหน่อย วงศรณแนะนำว่า ความตื่นเต้นบนโต๊ะอาหารสร้างง่ายๆ ด้วยชุดภาชนะนี่เอง เปลี่ยนให้สวยงามสดใสตามใจชอบ ภาชนะที่เหมาะควรเป็นชุดที่มีรายละเอียดเป็นลวดลายที่อ่อนหวาน ภาชนะเรียบๆ ไม่เหมาะในโอกาสนี้

สิ่งที่เติมเต็มบรรยากาศอีกอย่างก็คือ แผ่นรองจาน ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหราให้มื้ออาหารนั้น ทำให้มีความรู้สึกที่พิเศษขึ้น และพิถีพิถันมากขึ้น

ที่สำคัญพลาดไม่ได้ก็คือ ควรมีการจัดโต๊ะสักเล็กน้อย วิธีการจัดก็ง่ายๆ คือจัดลงไปที่กลางโต๊ะ หรือที่เรียกว่าเซ็นเตอร์พีซ โดยการใช้เชิงเทียนแสนหรู เหมาะสมกับบ้านและฐานะ หรือจัดดอกไม้ลงไป ควรระวังไม่ให้ดอกไม้ในแจกันเว่อสุดขีด หรือใหญ่เกินไป เพราะจะบังหน้า ควรจะต้องเตี้ยกำลังดี รวมทั้งเรื่องของสีดอกไม้ด้วย อย่าลืมเลือกให้กลมกลืนกับสีของบ้านและภาชนะ

นอกจากดอกไม้บนโต๊ะอาหารแล้ว การจัดดอกไม้ในบ้านสำหรับวันสำคัญนี้ก็เป็นสิ่งที่ห้ามมองข้าม เพราะดอกไม้เติมอารมณ์โรแมนติกได้ดี ถ้าเป็นห้องโปร่งสีขาวหรือสีสว่าง ควรเลือกดอกไม้แบบดอกเล็กๆ ใบเล็กๆ มีสีหวานอย่างพาสเทล เพื่อเพิ่มความหวาน และให้ภาพรวมที่นุ่มนวล แต่ถ้าชอบสีแดงของดอกกุหลาบก็จัดแต่งได้ แต่ต้องไม่มาก หรือผูกขาดแค่สีเดียวเพราะจะทำให้น่าเบื่อ และดูแรงไป ควรจัดสีแดงไว้จุดหนึ่ง แล้วจุดอื่นๆ ก็ใช้สีอื่นที่เบาลงมา เพื่อให้บ้านธรรมดาๆ มีชีวิตชีวาและมีสีสัน

เคล็ดลับง่ายๆ จากนักออกแบบตกแต่งภายในคนนี้ คงช่วยสร้างสีสันของบ้านให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรักได้อย่างไม่ยากเย็นเกินไปนัก ใช่ไหมล่ะ . .

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

เคยดมกันมั้ย ยาดมพม่า

เมื่อรู้สึกวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม สิ่งแรกที่หลายคน ๆ นึกถึงน่าจะเป็นยาดมใช่ไหมคะ เพราะเป็นที่รู้กันมานานนมแล้วว่า เมื่อเรารู้สึกวิงเวียนศีรษะ หรือเมื่อมีคนเป็นลมนั้น ให้เอายาดมมาให้ดม แล้วจะรู้สึกดีขึ้น
ทำให้ยาดมเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีขายตามร้านทั่ว ๆ ไป แต่ล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการวางจำหน่าย ยาดมพม่า กันอย่างแพร่หลาย หลาย ๆ คนเองก็ติดใจในกลิ่นของยาดมพม่านี้ จนต้องซื้อหาติดบ้านติดตัวไว้ไม่ได้ขาด
ยาดมพม่านั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ยาหอมอะปาทะ" ในขณะที่บางคนก็เรียกว่า "ยาปอดลุก" หรือ "ยาดมบุเรงนอง" ประกอบด้วยสมุนไพรหลัก ๆ สามชนิดด้วยกันนั่นคือ กานพลู ลูกจันทร์ และพริกไทย ซึ่งสมุนไพรหลัก ๆ ทั้งสามชนิดนี้มีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนโบราณที่ใช้รักษาจนมาจนเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน
ส่วนหนึ่งด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกคือ 15 - 20 บาทเท่านั้นทำให้เจ้ายาดมพม่าตัวนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลาย ๆ คนต่างก็พกเอาไว้เพื่อความอุ่นใน ไร้อาการเมาต่าง ๆ จากการเดินทางทั้งนั้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องระวังเอาไว้ด้วยนะคะ เพราะยาดมที่ประกอบด้วยสารของเมนทอล การบูร ซึ่ง เมื่อสูดดมเข้าไปมาก ๆ อาจจะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบได้ ซึ่งอาการของคนที่มีเยื่อบุจมูกอักเสบจะมีอาการบวมของโพรงจมูก ทำให้จมูกคัดหรือตีบและมีน้ำมูกไหล
เพราะฉะนั้นก็ดมแต่พอดี ๆ เมื่อมีอาการไม่สู้ดี อย่างเช่นรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด คล้ายเป็นลมก็พอนะคะ เวลาปกติก็ไม่ควรดมให้มากนะคะ


วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

15 วิธีแก้เคราะห์ สะเดาะกรรมให้ร่ำรวย



การแก้กรรมสะเดาะเคราะห์เป็นการทำพิธีตามความเชื่อโบราณว่าจะสามารถส่งเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น มักรวมไปถึงการต่ออายุ หรือแก้ไขสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นดี การเริ่มทำบุญตั้งแต่ต้นปีก็จะเพิ่มดวง เสริมสง่าราศีให้ชีวิตมีความสุข และประสบความสำเร็จตลอดทั้งปีและตลอดไปอย่างแน่นอน

1. ถือศีล 5 การถือศีล 5 เป็นประจำจะช่วยเสริมดวงชะตาและจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม การทำดีและไม่เบียดเบียนใครถือเป็นการทำบุญกุศลที่ได้อานิสงส์ เป็นผลให้เกิดความโชคดี และแก้เคราะห์ลดกรรมได้

2. การถือศีล 8 จะช่วยเสริมดวงและแก้เคราะห์ได้เช่นเดียวกับการถือศีล 5 แต่การถือศีล 8 นั้นปฏิบัติได้ยากยิ่ง แต่เมื่อปฏิบัติได้สำเร็จจะได้กุศลแรงนักปฏิบัติแล้วยังช่วยเสริมดวงอำนาจบารมีได้

3. กินเจ ก็เพื่อลดละชีวิตสัตว์ ซึ่งได้อานิสงส์ผลบุญสูงและควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้าอธิษฐานไว้ว่า 7 วัน ก็ทำให้ครบ 7 วัน อาจตั้งจิตว่าจะทำทุกวันพระและทุกเดือน หรือปฏิบัติทุกเดือน เดือนละ 3 วัน หรือ 7 วัน เป็นต้น

4. ไหว้พระและถวายดอกไม้ ธูปเทียน รวมทั้งการปิดทองคำเปลวและเครื่องหอม ผลบุญนี้จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง มีความเจริญก้าวหน้า

5. ถวายน้ำมันตะเกียง เพื่อความรุ่งโรจน์โชติช่วงของชีวิต เช่นเดียวกับความสว่างของแสงตะเกียง ทำให้พ้นจากความมืดมิดทั้งการดำเนินชีวิต รวมทั้งปัญหาและความคิดที่สว่างไสวไม่อับจนหนทาง

6. ถวายสังฆทาน เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยถวายสิ่งของจำเป็นแด่พระสงฆ์ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชีวิตหมดเคราะห์หมดโศก จะทำสิ่งใดก็ราบรื่นไม่ติดขัด พบแต่ความสำเร็จสมปรารถนา รวมทั้งมีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ ไม่ขัดสน

7. ไหว้พระ ไหว้บูชาเทพต่างๆ จะทำให้พบกับความสุข ความเจริญเกิดความสุขใจว่ามีที่พึ่งพิง ยึดเหนี่ยว นำมาซึ่งกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไปและรู้สึกเสมอว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง 8. ทำบุญปล่อยสัตว์ เป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น แต่ถือว่าได้บุญแรง จะต้องทำด้วยความตั้งใจจริง เช่น การไปซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อย ไถ่ชีวิตวัวควายถวายวัดเพื่อมอบให้ชาวนานำไปใช้ประโยชน์ ซื้อปลาในตลาดที่จะถูกฆ่าไปปล่อยน้ำ ผลบุญนี้ยังผลให้หมดทุกข์ หมดภัย และพบความสุขความเจริญในชีวิต

9. ทำบุญ ให้ทาน เป็นการรู้จักเสียสละตนเองและแบ่งปันให้ผู้อื่น ซึ่งผลบุญจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีจิตใจยินดีในการทำบุญให้ทานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงพุทธศาสนา หรือการให้ทานเกื้อกูลคนยากไร้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุญส่งเสริมให้ชีวิตมีโชค มีทรัพย์ และมากด้วยบารมี

10. ทำทานแก่คนยากไร้ เป็นการทำบุญที่มาจากจิตใจอันไม่ยึดติดมีความไม่โลภ ผลบุญจึงหนุนนำให้มีแต่ความราบรื่น ยามมีเรื่องติดขัดก็จะมีผู้มาช่วยเหลือค้ำจุน ยามมีเคราะห์ภัยก็จะแคล้วคลาด เพราะแรงอนุโมทนาจิตจากผู้ยากไร้ที่ได้รับสิ่งของจากเรานั่นเอง

11. ทำบุญโลงศพ ซื้อโลงศพบริจาคศพอนาถาไร้ญาติ จะได้อานิสงส์แรงยิ่งนัก การทำบุญเช่นนี้จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่ง สามารถต้านเคราะห์ภัยหนักต่างๆ และผ่อนหนักเป็นเบาได้

12. พิมพ์หนังสือธรรมะแจก จัดพิมพ์เองหรือร่วมบริจาคสมทบทุนการพิมพ์กับผู้อื่นก็ได้ เป็นการเสริมดวงให้มีวาสนาบารมี เพื่อให้ปัญญาสว่าง หมดทุกข์ หมดโศก ไม่มีเคราะห์ร้ายมากล้ำกราย

13. บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ จะช่วยให้ชีวิตราบรื่น หมดทุกข์ หมดโศก ประสบแต่ความโชคดี

14. ซื้อข้าวสารถวายวัด เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าตามสถานสงเคราะห์เป็นการสั่งสมบุญกุศล เพื่อให้ชีวิตมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์และเพียบพร้อมด้วยบารมี

15. การตักบาตรร่วมขันกับผู้อื่นหรือทำบุญร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์หรือโดยทางอื่น จะส่งผลให้เนื้อคู่ดูดี ดวงชะตาแข็งแกร่ง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และจะได้แต่เพื่อนที่ดีในชาตินี้